รถไฟสายเที่ยงคืน - รถไฟสายเที่ยงคืน นิยาย รถไฟสายเที่ยงคืน : Dek-D.com - Writer

    รถไฟสายเที่ยงคืน

    ผู้เข้าชมรวม

    909

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    909

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 มิ.ย. 54 / 09:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
                      “...อีกไม่นาน โยมจะได้พบกับเธอ..”
                      คำทำนายของหลวงตาที่ศรัณไปทำบุญถวายสังฆทานเมื่อเช้านี้ดังสะท้อนอยู่ในใจ  ถึงแม้จะเป็นแค่คำทำนายทายทัก แต่ก็ทำให้หัวใจที่เริ่มจะโรยราของเขาแอบพองโตขึ้นมาเล็กน้อย แม้บ่อยครั้งที่เขามักจะถามตัวเอง
                      ...ใครกันหนอจะเป็นผู้โชคร้ายคนนั้น...
                      ...เธอคนนั้นจะเข้ากันดีกับแม่ของเขาหรือเปล่า...
                      ...จะมีใครมากัดก้อนเกลือกินกับเขานะ...
                      หรือคำถามต่างๆ นานาร้อยแปดที่วนเวียนถามอยู่เรื่อยไปแต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้
                      ...เธอเป็นใครกันนะ...
       
                      ลมพัดพาไอเย็นจากขุนเขาท่ามกลางราตรีไร้ดวงดาวปะทะใบหน้าเขาเป็นระยะ ขณะที่เสียงล้อรถไฟกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยดังกระทบเป็นจังหวะ แต่ก็มิอาจฉุดเขาขึ้นจากภวังค์ห้วงความนึกคิดได้
                      “...อีกไม่นาน โยมจะได้พอกับเธอ...”
       “แต่จงจำไว้ว่า ทุกอย่างเป็นวิบากกรรมที่ทั้งโยมและเธอได้ก่อมาแต่อดีตชาติ ไม่มีใครจะฝืนกฎแห่งกรรมไปได้” หลวงตาพูดต่อ
      “วิบากกรรมอะไรครับหลวงตา ไม่เห็นเข้าใจเลย” เขาทำสีหน้างงๆ ก่อนจะถามต่อ “แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเธอ”
      “แล้วโยมจะรู้เอง” หลวงตาพูดและเดินจากไปปล่อยให้ความสงสัยเคลือบแคลงใจเขาอยู่นานสองนานก่อนที่เขาจะลุกเดินออกจากศาลา
                     
                      ทันใดนั้นเสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นทำลายความนึกคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครกันนะโทรมาป่านนี้...จะเที่ยงคืนแล้ว...
                      “...ว่าไงครับแม่”  เขารีบรับสายทันที “ยังไม่นอนอีกเหรอแม่ ดึกแล้วนะ”
                      “แม่ยังไม่ง่วง ลูกถึงไหนแล้ว”
                      เขาบอกสถานที่ ขณะที่สายตากวาดมองไปรอบๆ เห็นแต่ผู้คนกำลังนอนใหลหลับอย่างไม่รู้ตื่น บางคนก็เอาผ้าคลุมโปง บางคนมาเป็นคู่ก็นอนหัวชนกัน คงมีแต่เขาที่นั่งหัวโด่เด่อยู่คนเดียวไม่ยอมหลับยอมนอน
                      “หมอบอกให้แม่พักผ่อนเยอะๆ ไม่ใช่เหรอครับ” เขาอ้างคำพูดของหมอทันทีเมื่อเห็นทีท่าว่าแม่จะไม่ยอมวางสายง่ายๆ
                      “ก็ได้ แล้วแม่จะคอยนะ”    เขากดปุ่มปิดโทรศัพท์หลังจากแม่วางสาย
                      ...นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้กลับบ้าน ที่เขามัวหลงระเริงคร่ำเครียดกับการทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพียงเพื่อหวังจะให้แม่ได้สุขสบายหลังจากพ่อเสีย... ถึงจะเป็นวันหยุดตามปฏิทินก็ตามแต่ตัวเขาก็ไม่เคยจะหยุดตามสักครั้ง กลับมาบ้านทีไรก็ยังหอบงานมาด้วยดังดุจเพื่อนข้างกายที่ขาดเสียไม่ได้... จนเขาไม่มีเวลาเหลียวมองสาวๆ คนไหน ถึงแม้เพื่อนๆ ที่ออฟฟิศจะคอยยุเชียร์สาวๆ ให้ หรือแม้กระทั่งแม่ที่คอยจะจับคู่ให้กับสาวคนโน้นทีคนนี้ทีด้วยหวังอยากอุ้มหลานเร็วๆ ก็ตาม...
                      ...หรือเป็นเพราะเนื้อคู่ของเขายังไม่เกิด...
       
                      “...อีกไม่นาน โยมจะได้พอกับเธอ...”
                      จู่ ๆ เขาก็หวนคิดถึงคำพูดของหลวงตาอีกแล้ว และเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างกำลังรอเขาอยู่ไม่กี่นาทีข้างหน้า ลมพัดเย็นๆ เริ่มหายไปเมื่อรถไฟกำลังเคลื่อนตัวเข้าจอดที่สถานีแห่งหนึ่ง ก่อนที่เสียงเอะอะตะโกนร้องขายของของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่จะดังขึ้นกึกก้องไปทั่ว...
      รถไฟขบวนนี้ใช้เวลาจอดที่สถานีนี้ไม่นานนักก่อนจะขับเคลื่อนไปยังสถานีข้างหน้า เขาค่อยๆ หลับตาลง ปล่อยให้ใจล่องลอยไปตามสายลมล่องลอยอยู่บนฟากฟ้า...
      “ตรงนี้มีใครนั่งไหมคะ??”
      เสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งดังมาจากเบื้องหน้า เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองไปตามที่มาของเสียง... เธอเป็นหญิงสาวผมสั้น ริมฝีปากบางๆ จมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วบางโค้งได้รูป ท่าทางทะมัดทะแมงอยู่ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อกล้ามสีขาว... เธอยิ้มให้นิดๆ ที่มุมปาก
                      “ไม่มีครับ” เขาบอกเธอ
                      และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางระหว่างเขาและเธอ... หลายต่อหลายครั้งที่เขาแอบมองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนเธอจะหันมามองและยิ้มให้เห็นฟันซี่ขาวๆ สะอาดเรียงราย จนทำให้หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อรู้ว่าถูกจับได้ว่าเขาแอบมองเธออยู่ เขาหลุดหัวเราะออกมาแก้เขินก่อนจะชวนคุยสารพัดเรื่อง
                      จากนั้นบทสนทนาระหว่างเขาและเธอก็เริ่มต้นขึ้น รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอกำลังเติมเต็มให้เขามีชีวิตชีวาขึ้น ถึงแม้จะดึกดื่นอากาศภายนอกจะเริ่มเหน็บหนาวก็ตามที... แต่คืนนี้ศรัณรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจที่กำลังเข้ามาแทนความเงียบเหงา และการรอคอยที่เนิ่นนาน...
      คนที่เขากำลังรอคอย... อาจเป็นเธอ...ดาว
      เวลาล่วงเลยจะตีสี่แล้ว... ใกล้จะถึงจุดหมายปลายทาง ศรันสะดุ้งตื่น ตอนนี้เขาอยากเขกหัวตัวเองแรงๆ สักครั้ง เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แล้วเธอล่ะดาว... เธอหายไปไหน...
      เขาหันรีหันขวามองหาเธอแต่ก็ไม่พบ เขาถอนหายใจด้วยความเสียดายที่เขายังไม่ได้ถามเบอร์โทรศัพท์ของเธอเลย...
      ....................
                      “สวัสดีครับแม่” เขาโผเข้าสวมกอดแม่อย่างดีใจหลังจากไม่ได้เจอกันหลายเดือน
                      “มาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนเถอะ” แม่ค่อยๆ คลายวงแขน “แม่บอกให้เจ้าเล็กมันเก็บห้องรอไว้แล้วล่ะ” เขาสะพายกระเป๋าเดินตรงมายังห้องนอนที่เคยคุ้นเคยเมื่อหลายปีก่อน หลังจากเขาเข้าไปเรียนและทำงานที่กรุงเทพฯ น้องชายคนเล็กก็ยึดครองห้องเขาไปโดยปริยาย
                      “รกอีกตามเคย” เขาบ่นเมื่อเปิดประตูห้องนอน “แล้วนี่มันหายหัวไปไหนล่ะแม่ รู้ว่าผมจะมายังไม่เก็บห้องอีก” เขาหันไปถามแม่ที่เดินตามเข้ามา
                      “แม่บอกมันแล้วนะ มันบอกว่าเก็บเรียบร้อยแล้ว แม่เลยไม่ได้เข้ามาดู” ผู้เป็นแม่เดินมาที่ปลายเตียงเก็บเสื้อผ้าที่วางเกลื่อนลงตะกร้า
                      “ไม่ต้องหรอกแม่ เดี๋ยวผมทำเอง” เขาหันมาปราม “แม่ไปพักผ่อนเถอะ”
                      “ไม่เป็นไร มาเหนื่อยๆ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”
                      “แค่นี้ผมทำได้ครับ แม่ไม่ต้องห่วง” เขาบอกแม่ก่อนจะค่อยๆ ดันหลังแม่ออกจากห้อง “เจ้าเล็กนะเจ้าเล็ก”
                      เขาเดินไปกดปุ่มเปิดโทรทัศน์เป็นสิ่งแรก ก่อนจะลงมือเก็บกวาดห้อง เก็บกองเสื้อผ้า... เก็บหนังสือที่กระจายอยู่ข้างเตียง... มีทั้งหนังสือเรียน หนังสือการ์ตูนเต็มไปหมด...
                      “ข่าวเที่ยงวันวันนี้” เสียงจากพิธีกรหนุ่มจากรายการข่าวเที่ยงวันดังขึ้น “เริ่มด้วยข่าวคดีฆาตกรรมข่มขืนสาวบนรถไฟ...” 
                      ถึงตอนนี้เขาค่อยสนใจอยากติดตามข่าวอย่างจริงจัง เพียงเพราะสะดุดกับคำว่า “รถไฟ....” แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ได้ใส่ใจมากมาย ยังคงง่วนอยู่กับการเก็บกวาดห้องต่อ
                      “ขณะนี้ตำรวจสามารถจับคนร้ายที่ข่มขืนและฆ่าหญิงสาวบนรถไฟสาย... เมื่อวันที่...ได้แล้ว”  เขาชะงักมือทันที ก่อนค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าชิดโทรทัศน์โดยตั้งใจจะไม่ให้พลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
                      “ผู้ตายชื่อนางสาวดาว... อายุ......” ขณะพิธีกรหนุ่มให้รายละเอียดนั้น จู่ๆ ร่างของเขาก็เริ่มร้อนขึ้นฉับพลัน หัวใจเต้นแรงจนสามารถสัมผัสชีพจรที่เต้นแรงหลังใบหูได้  “...สวมกางเกงยีนส์ เสื้อกล้ามสีขาว...”
                      ความรู้สึกของเขา ยังบอกตัวเองว่า ต้องไม่ใช่ ต้องไม่ใช่เธอนะ...ดาว
                      กรอบภาพเล็กๆ ตรงมุมขวาบนจอโทรทัศน์ปรากฏขึ้นพร้อม ๆ กับภาพของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย...
                      “ดา... ดาว...” เขาขยับปากพะงาบๆ ราวปลาทอง ทั้งร่างแทบสิ้นเรี่ยวแรง จนตัวเขาทรุดตัวลงกับพื้น...
      ใช่เธอจริงๆ ด้วย...ดาว สิบวันกับการรอคอยที่เราจะได้พบกัน... ดาวเสียชีวิตเมื่อสิบวันก่อนบนรถไฟขบวนนี้ตอนเที่ยงคืนในห้องน้ำ...
                      “ทุกอย่างเป็นวิบากกรรมที่ทั้งโยมและเธอได้ก่อมาแต่อดีตชาติ ไม่มีใครจะฝืนกฎแห่งกรรมไปได้” คำพูดของหลวงตาชัดเจนขึ้นมาในความคิดคำนึง
                      ทำไมโชคชะตาต้องกำหนดให้เขาและเธอมาพบกัน... มาพบกันเพียงเพื่อได้เจอ แล้วก็จากกันไปไกลแสนไกลโดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจึงจะได้มาพบกันอีก...
                      ...ทำไม ทำไม...
                      ดวงตาของเขาหลุบลง พยายามหวนรำลึกถึงภาพในความทรงจำที่มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะสดใสของเธอ...
                      ...เธอยังรอคอยเขาอยู่ที่เดิมหรือเปล่า... หรือ...เธออยู่ที่ไหน???...
                      เขาหวังเพียงแต่ว่า... เขาจะพบเธออีกครั้งบนรถไฟสายเที่ยงคืนขบวนนั้น
      ++++++++

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×